ปาย เมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา สูงตระหง่านเป็นรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด เมืองเล็กๆแห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ ปายได้ดึงดูดนักเดินทางรวมทั้งตัวผมเองให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งนี้ ครั้นเมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก ทำให้ผมย้อนนึกถึงบรรยากาศคล้ายๆ วังเวียงที่ลาวยังไงอย่างนั้นเลยทีเดียว เดิมที ปาย จะเป็นเพียงทางผ่านของผม ซึ่งเลือกที่จะเดินทางโดยรถยนต์ จากเชียงใหม่ สู่แม่ฮ่องสอน (จริงๆ แล้ว ก็จากกรุงเทพฯ เลยครับ) แต่หลังจากที่ได้อ่านหนังสือท่องเที่ยวอยู่หลายเล่ม...อดไม่ได้ครับที่จะต้องแวะพัก 1 คืน (ที่พักปาย) ตั้งใจจะสำรวจก่อนผ่านไปเฉยๆ ในทริปครั้งแรกของผม ซึ่งก็ผ่านมาแปดปีมาแล้วปาย ในรอบสองของผมนี้ คือ จุดหมายปลายทาง ไม่ใช่ทางผ่านอีกต่อไป ตั้งใจจะสำรวจให้ทั่วๆ สักที รอบนี้จึงมีรูปสถานที่ท่อง
เที่ยวมาฝากกันเยอะทีเดียว.... รอบสองนี้เมื่อปลายปี 48 นี้เอง อยากชมรูป คลิก รูปปาย นี้เลย 
และแล้ว ปลาย พ.ย. ปี 50 ล่าสุดนี้ ปายรอบที่ 3 ผมประมวลภาพ ตัวเมืองปายแบบระเอียด ตามซอยตามมุม บวกรีสอร์ทใหม่ๆ ถึงใหม่ที่สุด อีกเพียบ แถมข้อมูล บ้านวัดจันทร์ อีก อ้อ...คงอยากรู้แล้วซิว่า บ้านวัดจันทร์ คืออะไร คลิกนี้เลย บ้านวัดจันทร์ เออ...ลืมบอกไป 5 รูปแรกในหน้าเว็บนี้...ผมถ่ายที่ บ้านวัดจันทร์ครับ
ปายได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งยุโรป ญี่ปุ่น มานานแล้ว สำหรับคนไทยแล้ว เพิ่งบูม 2 -3 ปีที่ผ่านมา สำหรับปีใหม่ปีนี้ ที่ปายนั่งท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ ที่พักหลายที่เต็มไปตั้งแต่ ปลายเดือนตุลาคม ฝนยังไม่หมดดีเลย ก็เต็มกันซะแล้ว ช่วงวันหยุดต่อเนื่องยาวๆ เดือนธันวา โดยเฉพาะปลายปี อันนี้ไม่แนะนำให้ไปครับ นักท่องเที่ยวเยอะมากเกินไป ต้องไปแย่งเข้าคิวกันทานอาหาร แถมยังราคาที่พักก็สูงกว่าปกติเป็นพิเศษ พักผ่อนอย่างจริงจัง สัก 2- 3 วัน คงจะดีไม่น้อย จิบกาแฟร้อนๆ อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม ริมระเบียงรีสอร์ท บางทีจะติดริมน้ำ หรือริมทุ่งคงจะดีไม่น้อย นั่งทอดสายตาไปไกลๆ ท่ามกลางทะเลหมอกยามเช้า คุณอาจได้ไอเดีย ดีๆ กลับมาเริ่มต้นปีใหม่อย่างที่ไม่เคยมาก่อน
สถานที่เที่ยวแห่งนึงที่ไม่ควรพลาดหากผ่านมาจากเชียงใหม่(ถนนสายแม่มาลัย) คือ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง (Huai Nam Dang National Park) รอบที่ 3 นี้ผมเองก็พักที่อุทยานฯที่นี่ 1 คืน ก่อนไปปาย อีกแห่งที่ผมเพิ่งไปเก็บข้อมูลมาคือ โครงการเกษตรที่ราบสูงบ้านวัดจันทร์ แต่เข้าไปลำบากหน่อย 38 กม.ได้ ทางคดเคี้ยวขึ้นเขา น้องๆ กับทางที่มาเชียงใหม่-ปาย เลยทีเดียว จุดเด่นคือ บรรยากาศยามเย็นและเช้า อากาศสดชื่นบนที่ราบสูง ป่าสนธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ วิถีชีวิตชาวเขาปากะญอ โครงการเกษตรต่างๆ แต่ที่บ้านวัดจันทร์นี้ไม่เหมาะกับคนที่เบื่อการนั่งรถ และชอบความสะดวกสบาย
แหล่งท่องเที่ยว ปาย คลิกได้เลย....หากมีเวลาจำกัด ผมขอแนะนำเพิ่มอีกเล็กน้อย โป่งน้ำร้อนท่าปาย วัดน้ำฮู น้ำตกหมอแปง พระธาตุแม่เย็น สะพานประวัติศาสตร์ วัดกลาง ถนนคนเดิน (มีแต่ตอนเย็น 5โมง-3 ทุ่ม อันนี้พลาดไม่ได้) สำหรับคนที่ไม่มีเวลาไม่อยากยุ่งยากสามารถเดินทางไปกับ บริษัททัวร์ต่างๆ ได้






บนยอดดอยอินทนนท์ มีผืนป่าดิบดึกดำบรรพ์อันกว้างใหญ่สมบูรณ์ปกคลุม ซึ่งน้อยคนนักจะได้สัมผัสธรรมชาติที่แท้จริงขอ
งภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ ในอดีตมีเพียงเส้นทางเล็ก ๆ ตัดขึ้นไปสู่ป่าลึกอันชุ่มชื้นและหนาวเย็น จึงจะได้พบเห็นกล้วยไม้และพันธุ์ไม้ป่าที่สวยงามและหายากยิ่ง นับแต่รองเท้านารีอินทนนท์ที่ค้นพบเป็นแห่งแรกบนดอยนี้ เอื้องกำเบ้อ ซึ่งเป็นกล้วยไม้จำพวกซิมบิเดียม มีสีเหลืองทอง ยังมีกุหลาบพันปีที่มีลำต้นสูงใหญ่กว่ากุหลาบแดงบนภูหลวงและภูกระดึงมากมายนัก อีกทั้งดอกไม้ป่าอีกหลายชนิดที่ขึ้นดารดาษทั่วหุบเขา สลับกับพันธุ์ไม้จำพวกเฟิร์น ออสมันดา และอื่น ๆ
เทือกเขาสูงมิได้มีเพียงยอดสูงสุด คือ ดอยอ่างกาหลวงเท่านั้น ทว่าเทือกเขาดอยอินทนนท์นั้นคือแนวทิวเขาสลับซับซ้อนตอนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัยอันพาดผ่านชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือลงไป มียอดดอยอินทนนท์ เป็นยอดสูง
สุด สูงถึง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นที่ประดิษฐานกู่พระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชานนท์ ผู้ครองเชียงใหม่องค์ที่ 7 และเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทย ไม่ว่าฤดูกาลใด อากาศเย็นตลอดปี ราว 5 ? 18 องศาเซลเซียส
การเดินทาง
การเดินทางสู่ยอดดอยอินทนนท์ มีระยะทางประมาณ 106 กิโลเมตร โดยเริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามถนนสายเชียงใหม่ ? ฮอด ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 58 ก่อนถึงตลาดจอมทอง เลี้ยวขวาขึ้นไปตามถนนจอมทอง - อินทนนท์ ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ งดงามไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวบนเขา ถ้ำ น้ำตก เดินป่า กางเต้นท์พักแรมกลางป่า เพลินไปกับจักรยานเสือภูเขา ทั้งมีรีสอร์ตเอกชน และบ้านพักของอุทยานฯ ไว้คอยบริการ ถ้าจะเที่ยวในแบบขอพักอยู่ตามบ้านชาวบ้านที่ยินดีรับแขกเข้าพัก โดยใช้ชีวิตประจำคล้ายสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว จะยิ่งซาบซึ้ง ได้สัมผัสกับน้ำใจ อาหาร และขนบธรรมเนียมประเพณีชาวเหนืออย่างดื่มด่ำ
บทความที่เขียน: สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ , เที่ยวปาย,ดอยอินทนนท์
อ้างอิง : www.ilovepai.com/th/
: www.thai-tour.com/thai-tour/North
: www.doiinthanon.com
:www.You.tube.com

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จะกล่าวถึงคือ ทะเลสาบดอยเต่า อยู่ในเขต อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ถือกำเนิดเมื่อปี 2507 มีเนื้อที่กว่า 50 ตารางกิโลเมตร หลังมีการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ทำให้พื้นที่บางส่วนของ อ.ดอยเต่า จมอยู่ใต้บาดาล เพื่อใช้ในการเกษตรกรรม การประมง ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ หากมีน้ำมากพอ (โดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน) พร้อมกับความงดงามของทะเลสาบ แต่เดิม อ.ดอยเต่า ขึ้นกับ อ.ฮอด ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมลำบาก การติดต่อราชการต้องใช้เวลานับวัน ต่อมากรมการปกครองได้แยกออกมาตั้งเป็นกิ่งอำเภอ ประกอบด้วย 3 ตำบลคือ บ้านแอ่น ท่าเดื่อ และดอยเต่า ในปี พ.ศ. 2522 จึงยกฐานะขึ้oเป็นอำเภอ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ จ.เชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 125 กิโลเมตร
“ดอยเต่า” ถ้าย้อนอดีตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน หลายคนคงรู้จักวงดนตรี “นกแล “ วงดนตรีของเด็กๆชาวเขาจากอำเภอดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่โชว์ความสามารถจนโด่งดังทั่วประเทศมาแล้ว ดอยเต่าในเวลานั้นยังถือเป็นแหล่งต้นน้ำของเขื่อน หรือถ้าเป็นถนนก็ต้องบอกว่า ดอยเต่าเป็นหลัก
กิโลเมตรหลักแรกของทะเลสาบเหนือเขื่อน และเป็นต้นน้ำของลำน้ำปิง โดยมี
หลักสุดท้ายอยู่ปลายสุดที่จังหวัดตาก
การเดินทาง-จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ไปยังอำเภอฮอด ระยะทาง 90 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 1103 ไปยังทะเลสาบดอยเต่าอีก 35 กิโลเมตร

มองท้องฟ้าที่ทะเลดอยเต่าแสนเงียบเหงารำพึงคิดถึงพี่
อยากให้ได้ใกล้ชิดแนบฤดี
ได้มีพี่สองเราเฝ้าเคียงข้าง
ใจดวงน้อยเฝ้าคอยพี่ไม่ห่างหัน
นับคืนวันสองเราคืนสถาน
ถิ่นเคยชื่นรักเราสุขสราญ
กระซิบข้างเบาเบาว่ารักเธอ
เหงาหัวใจเพราะรักพี่เสมอ
อยากได้พี่แนบกายฉันและเธอ
คอยละเมอว่ารักนิจนิรันดร์
แต่ยามนี้น้องแสนจะอ้างว้าง
เปล่าเปลี่ยวจังอยากได้คนที่ฝัน
อยากให้นั่งเคียงคู่ใต้เงาจันทร์
ยามสายัณห์มีพี่คู่เคียง

บทความที่เขียน : ทะเลสาบดอยเต่า
อ้างอิง:http://www.photoontour.com
http://www.moohin.com/
www.sadoodta.com/content/ทะเลสาบดอยเต่า


วัดพระแก้ว เป็นจุดที่ค้นพบพระแก้วมรกต และเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตเป็นเวลา 45 ปี ก่อนที่จะเอิญไปยังเชียงใหม่ วันนี้แต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่าวัดป่าเยี้ย หลังพระอุโบสถมีเจดีย์อยู่องค์หนึ่งซึ่งได้พังลงมาแล้วได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทององค์หนึ่งตกลงมาจากเจดีย์จึงได้อัญเชิญไปไว้วิหารหลวงได้ 2 เดือน ต่อมาปูนกระเทาะออกจึงเห็นเป็นแก้วสีเขียวทั้งองค์ หลังจากนั้นวัดนี้จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า วัดพระแก้ว ปัจจุบันเจดีย์องค์ดังกล่าวได้รับการบูรณะใหม่เป็นเจดีย์หุ้มทองจังโก๋เหลืองอร่ามทั้งองค์
พระอุโบสถในวัดพระแก้วมีความงดงามมาก ในปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน คนเชียงรายเรียกกันว่า พระเจ้าล้านทอง เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเชียงรายเคารพนับถือเป็นอันมาก แต่เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเจ้าล้านทอง ต่อมามีสภาพเป็นวัดร้างจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดดอยงำเมือง และได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานที่วัดพระแก้วเมื่อปี 2504
พระแก้วหยก เป็นพระพุทธรูปหยกที่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวเชียงรายร่วมกันสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2533 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 20 ก.ย. พ.ศ. 2534 ชาวเชียงรายได้อัญเชิญมาประดิษฐานหอพระ ณ วัดพระแก้ว เรียกว่า พระหยกเชียงราย
ปัจจุบันวัดพระแก้วมีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ โดยได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2521
การเดินทาง เมื่อถึงห้าแยกพ่อขุนเม็งรายกลางตัวเมืองเชียงรายให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสิงหไคล แล้วตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 100 เมตร จะเห็นวัดพระแก้วอยู่ทางขวามือ


เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า มีพิธีลงเสาเอกเมื่อ 23 ธันวาคม 2530 ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสัน
สวยงาม พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าทุกวัน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมภายในพระตำหนักได้โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชมเป็นชุดๆ แต่ละชุดใช้เวลาประมาณ 30 นาที
อัตราค่าธรรมค่าเข้าชม ท่านละ 70 บาท ( หรือ 150 บาทรวม 3 สวนแม่ฟ้าหลวง+พระตำหนักดอยตุง+หอพระราชประวัติ )
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางสาย 110 เป็นเส้นทางที่มุ่งสู่แม่สาย ประมาณ กม. 870-871 เลี้ยวซ้ายขึ้นดอย 17 กม. ถึงพระตำหนักดอยตุง
บทความที่เขียน :วัดพระธาตุเชียงราย, พระตำหนักดอยตุง
อ้างอิง ; http://www.tourdoi.com/
;www.thai-tour.com/
;www.tripsthailand.com/th/doitung.php
;www.YouTube.com









